แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่สันทัดงาน กองทัพอากาศ ปี 2567-2568
ถาม – ตอบ สาธารณสุขชุมชน
*********************
1. งานสาธารณสุขชุมชน หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไร
ตอบ งานบริการที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชน มุ่งเน้นงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพโดยสมาชิกในชุมชนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยภาครัฐและภาคเอกชน คอยให้การสนับสนุน ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนพึ่งตนเองทางสุขภาพได้อย่างแท้จริง
ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด การปรับตัวนี้เองทำให้มีผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การเจ็บป่วยแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการดูแลรักษา ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ช่วยได้บ้างเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น แต่การดูแลสุขภาพหลังการเจ็บป่วยให้ฟื้นคืนสู่สภาพดังเดิมนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเอง การเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ ที่กล่าวมาส่งผลให้ภาครัฐต้องมีการปรับปรุงระบบและวิธีการบริหารจัดการ ดังจะเห็นได้จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้บัญญัติถึงการให้สิทธิเสรีภาพประชาชนมากขึ้น ตลอดจนมีการกระจายอำนาจการบริหารราชการส่วนกลางไปสู่การบริหารราชการท้องถิ่นมากขึ้น
ในด้านสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในเชิงรุกมากขึ้น ในแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2545-2549) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า คนในสังคมไทยทุกคนมีหลักประกันที่จะดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะ และเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาค รวมทั้งอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมที่มีความเพียงพอทางสุขภาพ มีศักยภาพ มีการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพ โดยสามารถใช้ประโยชน์ทั้งจากภูมิปัญญาสากลและภูมิปัญญาไทยได้อย่างรู้เท่าทัน
ด้วยเหตุนี้เอง งานสาธารณสุขจึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด และวิธีการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ โดยเฉพาะงานสาธารสุขมูลฐาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของงานสาธารณสุขชุมชน งานสาธารณสุขมูลฐานมีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นกำลังสำคัญ แต่จากระยะเวลาที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า บุคลากรทางสาธารณสุขและ อสม. เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ ต้องอาศัยสมาชิกทุกหน่วยในสังคมเข้ามาช่วยกัน ดังนั้น จึงมีการปรับแนวคิด และวิธีการทำงานของงานสาธารณสุขขั้นมูลฐานอย่างเป็นระบบ ด้วยการจัดระบบการจัดการของชุมชนจากสิ่งที่มีอยู่ในชุมชน (อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้นำกลุ่มต่างๆ และประชาชน) ศูนย์ปฏิบัติการให้บริการสาธารณสุขเบื้องต้น และความรู้ข่าวสารด้านสุขภาพชุมชนและทุนในการดำเนินกิจกรรมสุขภาพในชุมชน
2. การจัดการของชุมชนในการพัฒนาสุขภาพ เรียกว่า อะไร
ตอบ ระบบสุขภาพเพื่อประชาชน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานสาธารณสุขชุมชนนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของคนในชุมชน ด้วยการส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกในชุมชนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ว่าเป็นหน้าที่ของตนเองไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือพยาบาล เพื่อลดการพึ่งพาสาธารณสุขในอนาคต ส่วนภาครัฐก็ต้องปรับบทบาทของตนมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนปัจจัยที่จำเป็น เช่น องค์ความรู้ เทคโนโลยี และทรัพยากรต่างๆ ที่ชุมชนต้องการ
3. ระบบสุขภาพภาคประชาชนคืออะไร และมีองค์ประกอบกี่ประการ
ตอบ ระบบสุขภาพภาคประชาชน เป็นการจัดการงานสาธารณสุขมูลฐานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมมือกันดูแลสุขภาพของตนเอง โดยมีภาครัฐและองค์กรภายนอกให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาองค์กรอาสาสมัคร และแกนนำสุขภาพประจำครอบครัว ให้มีส่วนร่วมในการจัดการงานบริการส่งเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ ด้วย
ระบบสุขภาพภาคประชาชน มีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ประกอบด้วย คน องค์ความรู้ และทุน
1. คน เป็นองค์กรที่สำคัญในการพัฒนาสุขภาพ สมาชิกในชุมชนมารวมกลุ่มกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อช่วยส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรง พึ่งตนเองได้
2. องค์ความรู้ เช่น วิทยากร วิธีการ เทคโนโลยี ภูมิปัญญา การถ่ายทอดและการกระจายความรู้ ข้อมูลข่าวสารในชุมชน เป็นต้น
3. ทุน การพัฒนาสุขภาพจำเป็นต้องอาศัยทุน ทั้งที่เป็นตัวเงิน ซึ่งอยู่ในลักษณะการเงินการคลังด้านสุขภาพ และทุนทางสังคม เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรบุคคล ภูมิปัญญา เป็นต้น
องค์ประกอบทั้ง 3 ประการนี้ จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยหากขาดการจัดการที่เป็นระบบ และมีความสมดุล ซึ่งการจัดการในที่นี้คือ การปฏิบัติเพื่อการประสานให้มีการเคลื่อนไหวขององค์ประกอบทั้ง 3 ประการ และให้เกิดการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาสุขภาพ เพื่อสนองความต้องการของคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ดังกรอบแนวคิดสุขภาพภาคประชาชนต่อไปนี้
4. จงอธิบายบทบาทและความสำคัญของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน
ตอบ การดำเนินงานสาธารณสุขของประเทศในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยมีระบบบริการสาธารณสุขที่ตอบสนองต่อปัญหาและความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม มีความเสมอภาคในการบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพทั้งทางด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพที่ประชาชนต้องดำเนินการเอง เป็นต้น และการพัฒนางานสาธารณสุข รวมไปถึงการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนซึ่งประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงานไปจนถึงระดับที่สามารถดูแลตนเองได้ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และพึ่งพาตนเองได้
กลุ่มคนที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนกลุ่มหนึ่ง คือ วัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่เริ่มมีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อสังคม และจะเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศต่อไป วัยรุ่นมีความต้องการที่จะตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมต่างๆ และมีพลังที่จะทำกิจกรรมที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ หากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น วัยรุ่นจึงเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขอีกด้วย
บทบาทของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน วัยรุ่นควรได้แสดงออกถึงบทบาทในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน ในแนวทางต่อไปนี้
1. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับระบบการบริการสาธารณสุขเป็นประจำ
2. ติดตามข่าวสารสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ
3. ดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกต้อง
4. แนะนำผู้อื่นในการปฏิบัติตนที่นำไปสู่การมีสุขภาพดี
5. สมัครเข้าเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนบ้านในชุมชน เพื่อการมีสุขภาพอนามัยที่ดี โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนสมาชิกในชุมชน ในการติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาสาสมัครเหล่านี้ ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นต้น
6. เผยแพร่ความรู้และข่าวสารสาธารณสุขซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การนำข่าวสารที่ได้ จากหน่วยงานสาธารณสุขไปใช้ในห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน การนำข่าวสารสาธารณสุขจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มาเขียนเป็นบทความโดยย่อ แล้วนำไปติดให้ผู้อื่นอ่าน การแจกเอกสารสาธารณสุขแก่ผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตามเนื้อหาที่มีในเอกสาร และการนำข่าวสารสาธารณสุขไปบรรยาย จัดนิทรรศการ และให้ความรู้ทางการกระจายเสียง เป็นต้น
7. มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
8. ริเริ่มกิจกรรมเกี่ยวกับงานสาธารณสุขในชุมชน เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อม
9. ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทุกครั้งที่มีโอกาส
5. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ไว้ ณ วันใด
ตอบ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
6. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ตอบ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
7. “วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ วิชาชีพที่กระทําต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมินและการบําบัด โรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การฟื้นฟูสภาพ การอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยในชุมชนโดยนําหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ แต่ไม่รวมถึง การประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
8. “การประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ การกระทําการสาธารณสุขต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และอนามัยสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้
(๑) การส่งเสริมการเรียนรู้ การแนะนําและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การบําบัดโรคเบื้องต้น และการฟื้นฟูสภาพ ต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยการผสมผสานต่อเนื่อง และเชื่อมโยงเป็นองค์รวม
(๒) การประยุกต์หลักวิทยาศาสตร์ โดยการกระทําด้านการอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อการควบคุมป้องกันปัจจัยที่ทําให้เกิดโรค และลดความเสี่ยง การเจ็บป่วยต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน
(๓) การตรวจประเมินและการบําบัดโรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรค และการวางแผนครอบครัวตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
(๔) การตรวจประเมินอาการเจ็บป่วย และการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อการส่งต่อตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
9. “ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับ ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนจากสภาการสาธารณสุขชุมชน
10. มีสภาการสาธารณสุขชุมชน มีฐานะเป็นอะไร และมีหน้าที่อย่างไร
ตอบ มีสภาการสาธารณสุขชุมชนเป็นนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ และอํานาจหน้าที่ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน
สภาการสาธารณสุขชุมชนมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๒) ออกคําสั่งตามมาตรา ๓๙ วรรคสี่
(๓) ให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในระดับอุดมศึกษาของ สถาบันการศึกษาที่จะทําการสอนวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เพื่อเสนอต่อสํานักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา
(๔) รับรองปริญญา ประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตรหรือ วุฒิบัตรในวิชาชีพการสาธารณสุขของสถาบันต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก
(๕) รับรองหลักสูตรต่างๆ สําหรับการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรของสถาบันที่จะทําการสอน และฝึกอบรมวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๖) รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทําการสอนและฝึกอบรมใน (๕)
(๗) จัดทําแผนการดําเนินงานและรายงานผลการดําเนินงานเสนอต่อสภานายกพิเศษอย่างน้อย ปีละครั้ง
(๘) ดําเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาการสาธารณสุขชุมชน
แนวข้อสอบเฉพาะทาง สาธารณะสุข
1669 คือเบอร์อะไร
เบอร์ 1669 คือเบอร์ กู้ชีพ กู้ภัย หรือ ที่เรียกกันว่า EMS สามารถโทรได้ทุกที่ ในประเทศ ท่านกด
ที่ใด ก็จะไปติด ศูนย์ที่จังหวัดนั้น มีไว้แจ้ง เรื่องอุบติเหตุ ไม่ว่า เจอกับตัว หรือ พบเห็น สามารถ โทรเข้าได้เลย แล้วศูนย์ จะแจ้งไปยัง หน่อยกู้ภัย ในเขต นั้นๆ ให้รีบออกไปยัง สถานที่เกิดเหตุนั้นๆ
1. - หมายเลขโทรถามเรื่องบัตรทองคือ ?
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 120 หมู่ 3 ชั้น 2-4 อาคารรวมหน่วยงานราชการ
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ฯ 10210 โทรศัพท์ เบอร์กลาง 02 141 4000
โทรสาร (Fax) 02 143 9730 – 1 เว็บไซท์ : http://www.nhso.go.th
2. สิทธิต่างๆของบัตรทองมีอะไรบ้าง
- บัตรทองเป็นสิทธิสวัสดิการที่ได้จากรัฐ ครอบคลุมการรักษาพยาบาลทั้งหมดตามความเป็นจริง
แต่ยกเว้นค่าห้องค่าอาหารสำหรับผู้ป่วยใน ผู้รับสิทธิบัตรทองต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ไม่มีการเก็บเงินสมทบ แต่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานครั้งละ
30 บาท
3. ใครที่ต้องลงขันให้กองทุนประกันสังคม
- ลูกจ้างผู้ประกันตนและนายจ้างจะต้องลงขันฝ่ายละ 5% ของค่าจ้างรายเดือน
4. ประกันสังคมจ่ายในกรณีไหนบ้าง
- กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ กรณีว่างงาน ผู้ประกันตนมาตรา 40
5. แต่ละช่วงอายุจะฉีดวัคซีนอะไรบ้าง (ชื่อวัคซีนในชอยส์เป็นตัวย่อภาษาอังกฤษทั้งหมด)
- ทารกแรกเกิด - วัคซีนบีซีจี (BCG) ป้องกันวัณโรค
ทารกอายุ 2 เดือน และ 4 เดือน- วัคซีนดีพีที (DPT) ป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก, โปลิโอชนิดกิน, ฮิปวัคซีนทารกอายุ 9 เดือน – วัคซีนป้องกันโรคหัด
เด็กอายุ 15 เดือน - วัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ (MMR) ป้องกันหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
อายุ 18 เดือน - วัคซีนดีพีที (DPT) ป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก, โปลิโอชนิดกิน
อายุ 2 ปี – วัคซีนป้องกันไข้ไทฟอยด์
อายุ 3 ปี - วัคซีนป้องกันไข้ไทฟอยด์ และให้ฉีดทุก 3 ปี
อายุ 4-6 ปี - วัคซีนดีพีที (DPT) ป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก, โปลิโอชนิดกิน
อายุ 14-16 ปี - วัคซีน ดี ที ชนิดผู้ใหญ่
6. อาการของวัณโรค , ต้องตรวจอะไรตรงไหนถึงจะรู้ว่าเป็นไหม
- ไข้ พบว่าผู้ป่วยโรควัณโรคจะมีไข้ได้ตั้งแต่ร้อยละ 37-80 แต่ก็มีผู้ป่วยร้อยละ 21 ที่ไม่มีไข้เลย หลังจากได้รับยารักษาวัณโรคพบว่าไข้จะลงในหนึ่งและสองสัปดาห์ ร้อยละ34,64 ตามลำดับระยะเวลาเฉลี่ยที่ไข้ลงประมาณ 10 วัน
อาการอื่นๆที่พบได้ได้แก่ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ครั่นเนื้อครั่นตัว เหงื่อออกกลางคืน พบว่าเม็ดเลือดขาวอาจจะต่ำ ปกติหรือสูงก็ได้ ในรายที่เป็นมานานจะพบภาวะโลหิตจางด้วยอาการของเลือแรโซเดียมต่ำซึ่งจากปอดที่ติดเชื้อวัณโรสร้าง antidiuretic hormone-like substance
การวินิจที่ถูกต้องจะต้องตรวจพบตัวเชื้อโรค โดยการนำสารหลั่งต่างมาตรวจ เช่น เสมหะ น้ำจากกระเพาะอาหาร น้ำจากช่องปอด น้ำไขสันหลัง นอกจากนั้นหากสามารถเพาะเชื้อโรคได้จะทำให้การวินิจฉัยถูกต้อง การนำมาเพาะเชื้อก็มีความจำเป็นเนื่องจากเชื้อวัณโรคมีการดื้อยาบ่อยทำให้ ต้องทราบว่าเชื้อดื้อต่อยาอะไรบ้าง เพื่อจะได้ปรับยาที่ใช้รักษา นอกจากนั้นระยะเวลาก็มีความสำคัญ
7. ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อวัณโรค
- ผู้ที่ได้รับเชื้อ [Latent infection] ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นวัณโรคทุกคน ประมาณว่าร้อยละ 10จะเป็นวัณโรคโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรค ประจำตัวเหล่านี้ ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับยา prednisolone หรือยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน หรือเปลี่ยนไต ผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อย ผู้ป่วยที่เป็น silicosis ผู้ป่วยที่ตัดกระเพาะ หรือตักต่อลำไส้
8. การจำแนกกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน จำแนกกี่แบบ อะไรบ้าง
- 1. เบาหวานในทารกและเด็ก หมายถึงผู้ป่วยที่มีอาการของเบาหวานเริ่มต้นเมื่ออายุ 0-14 ปี ผู้ป่วยพวกนี้มักจะมีอาการเริ่มต้นรุนแรงและมักเป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้ รับอินซูลินตลอดเวลา
2. เบาหวานในวัยรุ่น หมายถึงผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการเบาหวานระหว่างอายุ 15 – 25 ปี ซึ่งโดยมากมักจะมีอาการเกิดขึ้นทันที และมักจะเป็นผู้ป่วยซึ่งต้องให้อินซูลินรักษาเช่นเดียวกัน
3. เบาหวานในผู้ใหญ่ หมายถึง โรคเบาหวานซึ่งเริ่มต้นมีอาการตั้งแต่อายุ 25 – 64 ปี ซึ่งผู้ป่วยพวกนี้มีอาการเปลี่ยนแปลงได้มาก และมักไม่จำเป็นจะต้องได้รับอินซูลิน
4. เบาหวานในคนสูงอายุ หมายถึงผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการเมื่อมีอายุเกิน 64 ปีขึ้นไป และมักจะไปพบแพทย์ด้วยอาการของโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน ผู้ป่วยพวกนี้มักสามารถควบคุมอาการเบาหวานได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อินซูลิน
นอกจากนี้ โรคเบาหวานยังจำแนกออกได้อีกแบบหนึ่งดังนี้
1. เบาหวานประเภทวัยรุ่น หมายถึงผู้ป่วยเบาหวานไม่ว่าจะอยู่ในอายุใดๆ ก็ตามที่ต้องการอินซูลินในการรักษา และเป็นประเภทซึ่งมีความโน้มเอียงที่จะเกิดภาวะคีโทซิส (ketosis) ได้ง่าย
2. เบาหวานประเภทต่อต้านอินซูลิน หมายถึง ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการอินซูลินมากเกินกว่าวันละ 200 หน่วย
3. เบาหวานจากต่อมไร้ท่อ หมายถึงผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือมีความผิดปกติไม่ทนต่อเมแทบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรต เนื่องจากโรคของต่อมไร้ท่อ เช่นกลุ่มอาการคุชิง
4. เบาหวานประเภทเปลี่ยนแปลงง่าย หมายถึง โรคเบาหวานประเภทวัยรุ่นซึ่งควบคุมอาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติ ภาวะคีโทซิส และอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้ยาก
9. ประชากรไทยมักป่วยด้วยโรคอะไร
- โรคสมองเสื่อม (DEMENTIA) กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (HEART ATTACK) มะเร็งไฝ (MELANOMA) มะเร็งเต้านม (BREAST CANCER) กาฬหลังแอ่น (MENINGOCOCCAL INFECTION) เบาหวาน (DIABETES)
10. วันสำคัญในเดือนมีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ คือวันอะไร
- วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2536 ให้ ทุกวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอสม.แห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจและส่งเสริมให้อสม.ได้รวมพลังสร้างคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้แก่ประขาชนชาวไทย และได้ดำเนินการจัดงานดังกล่าวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา