แนวข้อสอบ เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนพิเศษ กองทัพอากาศ ปี 2567-2568
ถาม – ตอบ
การสืบสวน สอบสวน
************************
1. Inquiry คืออะไร
ตอบ การสืบสวน สอบสวน
2. การสืบสวน สอบสวน คืออะไร
ตอบ เป็นกระบวนการแสวงหาความจริงเพื่อนำไปสู่การค้นพบธรรมชาติ ลักษณะคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ ตลอดจนการค้นพบหลักเกณฑ์ของธรรมชาติแล้วนำกฏเกณฑ์นั้นมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อการควบคุมสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของมนุษย์
3. การสอนแบบการสืบสวน สอบสวน มีลักษณะและวิธีการคล้ายกับการสอนแบบใด
ตอบ การสอนแบบการแก้ปัญหา
4. จุดมุ่งหมายในการสอนแบบสืบสวนสอบสวนคืออะไร
ตอบ 1. เพื่อให้ผู้เรียนฝึกสังเกตวิเคราะห์ สิ่งแวดล้อมด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
2. เพื่อให้ผู้เรียนฝึกการอธิบายสาเหตุของปัญหาหรือสถานการณ์
3. เพื่อให้ผู้เรียนฝึกการตั้งสมมุติฐาน ทำนายปรากฏการณ์ใหม่ด้วยหลักหรือทฤษฎีที่เรียนไปแล้ว
4. เพื่อให้ผู้เรียนฝึกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ในการนำหลักเกณฑ์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
5. การสอบสวน หมายถึง
ตอบ การรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินการทั้งหลาย เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือการพิสูจน์ความผิดของบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดวินัย ให้ได้ความจริงและยุติธรรม เพื่อที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดตามความเหมาะสมแห่งพฤติการณ์ในการกระทำความผิด
6. จรรยาบรรณของผู้ทำหน้าที่สอบสวน ได้แก่
ตอบ ๑. เคารพต่อหลักสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
๒.อำนวยความยุติธรรมแก่คู่กรณีอย่างเสมอภาคโดยถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม
๓. แสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานตามหลักเกณฑ์แห่งกฎหมาย ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง
๔. วิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้ได้เหตุผล อันน่าเชื่อว่าผู้นั้นได้กระทำความผิด ก่อนมีการแจ้งข้อ
กล่าวหา
๕. ให้ความสำคัญและให้ความคุ้มครองต่อสิทธิของพยาน
๖. รักษาความลับในการสอบสวน
๗. สำนึกและยึดมั่นในวิชาชีพของนิติกรที่ทำหน้าที่สอบสวน
7. คุณลักษณะที่ดีของผู้ซักถาม มีอะไรบ้าง
ตอบ ๑. รู้หลักจิตวิทยา
๒. มีความรู้ทั่วไปกว้างขวาง
๓. มีเชาว์ไหวพริบ
๔. มีบุคลิกภาพดี
๕. มีความพากเพียรพยายาม
๖. รู้จักทำความเชื่อมโยง
๗. มีวาจาสัตย์
๘. ความสามารถในการสังเกตและอ่านกิริยาท่าทีผู้ถูกซักถาม
8. วิธีการสอบสวนและการรวบรวมข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไร
ตอบ (๑) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของพยานที่มาให้ข้อเท็จจริงให้มากที่สุด เช่น คุณวุฒิ วัยวุฒิ รวมทั้งอุปนิสัยของพยาน เป็นต้น
(๒) ก่อนเริ่มคำถามควรแนะนำตัวเอง และบอกเล่าถึงเหตุแห่งการเชิญพยานมาให้ถ้อยคำ เพื่อให้พยานรู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวล
9. เทคนิคการจดบันทึกถ้อยคำของพยานบุคคล มีข้อควรปฏิบัติอย่างไร
ตอบ (๑) ต้องให้ผู้ให้ถ้อยคำเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้เห็นมาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นด้วยวาจาตั้งแต่ต้นจนจบ และซักถามจนเข้าใจเรื่องราวจากปากคำจนกระจ่างที่สุดจึงเริ่มบันทึก
(๒) การจดบันทึก ต้องจดให้ตรงกับที่ให้ถ้อยคำและตรงประเด็น (๓) จะซักถามอย่างไรต้องรู้ว่าข้อกล่าวหามีประเด็นอย่างไร
(๔) ต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นพยานประเภทใด เช่น ประจักษ์พยาน พยานบอกเล่า หรือพยานพฤติเหตุแวดล้อม
(๕) ต้องบันทึกปากคำพยานทุกปาก แม้จะมีข้อเท็จจริงเหมือนกัน (๖) การให้ถ้อยคำว่าไม่รู้ไม่เห็นของพยานจะต้องบันทึกไว้ อย่าปล่อยทิ้งไป
(๗) พยานแวดล้อมในกรณีไม่มีประจักษ์พยานเป็นเรื่องสำคัญ (๘) การสอบถามปากคำพยานและการให้ถ้อยคำต้องมีลักษณะตอบคำถามอยู่ในตัวว่าใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไรทำทำไม ทำอย่างไร ผลเป็นอย่างไร
(๙) การให้ถ้อยคำของพยานพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นต้องสอบปากคำพยานที่ถูกพาดพิงถึง
(๑๐) เมื่อบันทึกคำให้การเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องอ่านให้ผู้ให้ถ้อยคำฟังอีกครั้งหนึ่งและบันทึกว่า “อ่านให้ฟังแล้วรับว่าถูกต้อง จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน”
(๑๑) การสอบสวนเพิ่มเติมทุกครั้งต้องอ่านคำให้การเดิมให้ผู้ให้ถ้อยคำฟังก่อนทุกครั้ง
(๑๒) ควรบันทึกถ้อยคำตามถ้อยคำสำนวนของพยานที่มาให้ถ้อยคำ
10. ลักษณะท่าทีของพยานที่ผู้สอบสวนจะต้องประสบกรณีที่เป็นพยานบุคคล อาจมีดังนี้ คือ
ตอบ (๑) พยานประเภทไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
(๒) พยานประเภทไม่สนใจ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ
(๓) พยานประเภทขี้สงสัย ขี้ระแวง
(๔) พยานประเภทช่างพูด ขี้คุย
(๕) พยานประเภทที่พูดตามความจริง
(๖) พยานเท็จ
(๗) พยานประเภทขี้อาย
(๘) พยานประเภทขี้โม้
(๙) พยานประเภทปฏิเสธ
แนวข้อสอบเรื่องจิตวิทยา
1. จิตวิทยา มีรากศัพท์ มาจากคำว่าอะไร
ก. Psyche + Logy ค. Psycho + logy
二. Psyche + Logos ง. Psycho + logos
ตอบ ข. Psyche + Logos มาจากคำว่า Psyche แปลว่า วิญญาณ หรือจิตใจ
Logos แปลว่า การศึกษาหรือการค้นหาความรู้เป็น Psychology หมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ (เดิม) เป็น Psychology หมายถึง วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ (ปัจจุบัน)
2. ใครคือ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่
ก. John B. Watson ค. Maslow
二. Wilhelm Max Wundt ง. Sigmund Freud
ตอบ ก. John B. Watson เป็นผู้ที่นำที่สำคัญต่อการทำให้จิตวิทยารุ่งเรืองและมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว และได้นำวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาศึกษา อธิบายพฤติกรรมทางจิตวิทยา และเป็นผู้ที่ให้คำจำกัดความว่า “จิตวิทยาคือวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม”
3. ข้อใดคือชื่อภาษาอังกฤษของ นักจิตวิทยา
ก. Psychiatrist ค. Psychologist
二. Pharmacist ง. Chemist
ตอบ ค. Psychologist คือนักจิตวิทยา ส่วน Psychiatrist คือ จิตแพทย์ Pharmacist คือ เภสัชกร Chemist คือ นักเคมี
4. จิตวิทยา ตามความหมายเดิมเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องใด
ก. พฤติกรรม ค. วิญญาณ
二. การเรียนรู้ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. วิญญาณ มาจาก คำว่า Psyche
5. จิตวิทยาตามความหมายใหม่เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องใด
ก. พฤติกรรม ค. วิญญาณ
二. การเรียนรู้ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. พฤติกรรม
6. จิตวิทยา คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเรื่องใด
ก. การโน้มน้าวจิตใจ ค. การทำงานของร่างกาย
二. พฤติกรรมของมนุษย์ ง. การทำงานของระบบประสาท
ตอบ ข. จิตวิทยา (Psychology) คือ วิชาหรือศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์
และกระบวนการของจิต ซึ่งต้องอาศัยวิธีการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ในการค้นหาความรู้ด้วย การสังเกต ทดลอง สำรวจ ศึกษาสหพันธ์ ใช้วิธีการทางคลินิก และสรุปสิ่งที่ค้นพบอย่างเป็นระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำความรู้นั้นมาอธิบาย ทำความเข้าใจ พยากรณ์หรือทำนายควบคุม และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น ๆ
7. ข้อใดที่ ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการศึกษาทางจิตวิทยา
ก. ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์อย่างมีหลักเกณฑ์
ข. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาพฤติกรรม
ค. ศึกษารวมไปถึงจิตวิญญาณของมนุษย์อย่างเป็นระบบ
ง. ศึกษาสาเหตุที่ส่งผลให้บุคคลมีพฤติกรรมเฉพาะตัว
ตอบ ค. ศึกษารวมไปถึงจิตวิญญาณของมนุษย์อย่างเป็นระบบ
8. ข้อใด ไม่ใช่ จุดมุ่งหมายของการศึกษาวิชาจิตวิทยา
一. ควบคุม ค. สั่งการ
二. พยากรณ์ ง. ทำความเข้าใจ
ตอบ ค. สั่งการ การศึกษาวิชาจิตวิทยามีจุดมุ่งหมายเพื่อ หาคำอธิบาย, ทำความเข้าใจ, ทำนาย และควบคุมพฤติกรรม
9. การศึกษาทางจิตวิทยามีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร
ก. ทำนาย ค. หาคำอธิบาย
ข. ทำความเข้าใจ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ การศึกษาทางจิตวิทยามีจุดมุ่งหมายเพื่อ หาคำอธิบาย ทำความเข้าใจ ทำนาย และควบคุมพฤติกรรม
10. การเสนอวิธีบำ