แนวข้อสอบ นายทหารข่าวกรองเป้าหมาย นายทหารระบบภูมิสารสนเทศ กองทัพอากาศ (ล่าสุดปี 2567-2568)
แนวข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์
1. บุคคลโดยทั่วไปใช้แผนที่เพื่อวัตถุประสงค์ใด
ก. หาตำแหน่งที่ตั้ง ข. อ่านเสริมความรู้
ค. ศึกษาโลกของเรา ง. คำนวณหาเวลา
ตอบ ก.
บุคคลโดยทั่วไปที่ใช้แผนที่นั้นเพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการจะไปหรือทราบ
2. ในปัจจุบันท่านคิดว่าเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ใดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก
ก. รูปถ่ายทางอากาศ ข. แผนที่แสดงเส้นทางหลวง
ค. ภาพจากดาวเทียม ง. อินเทอร์เน็ต
ตอบ ข.
แผนที่แสดงเส้นทางหลวงเป็นแผนที่ที่ใช้ประโยชน์ในการคมนาคม ซึ่งเป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ในประจำวัน
3. ถ้าปัญญาวัดระยะทางระหว่างสถานีอนามัยกับโรงเรียนในแผนที่ห่างกัน 4 เซนติเมตร เมื่อเขา ทดลองเดินได้ระยะทางจริง 2 กิโลเมตร แผนที่ฉบับนี้จะมีมาตราส่วนเท่าใด
ก. 1 : 50,000 ข. 1 : 55,000
ค. 1 : 150,000 ง. 1 : 5,000
ตอบ ก.
ระยะทางระหว่างสถานีอนามัยกับโรงเรียนในแผนที่มีมาตราส่วน 1 : 50,000
สามารถคำนวณได้จาก 4 ซม. = 2 กม. หรือ 200,000 ซม.
ซม. = 50,000 ซม.
4. เส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) มีความสำคัญอย่างไร
ก. ใช้กำหนดเวลามาตรฐานสากล ข. ใช้แบ่งซีกโลกเหนือและใต้
ค. ใช้เริ่มต้นการแบ่งเวลาท้องถิ่น ง. ใช้กำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
ตอบ ก.
เส้นเมริเดียนแรก เป็นจุดตั้งต้นของการกำหนดเวลามาตรฐานสากล เส้นเมริเดียน 0 องศา ลากผ่านหอดูดาว ณ ตำบลกรีนิช กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
5. นายสมิธเรียนอยู่ที่รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จะโทรหาคุณแม่ที่อยู่กรุงเทพฯ เวลา 20.00 น. ของออสเตรเลีย เวลาที่กรุงเทพ ฯ ตรงกับข้อใด ( ประเทศไทยตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ออสเตรเลียตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 150 องศาตะวันออก)
ก. เวลา 23.00 น. ข. เวลา 20.30 น.
ค. เวลา 18.30 น. ง. เวลา 17.00 น.
ตอบ ง.
กรุงเทพ ฯ ตรงกับเวลา 17.00 น เพราะ เวลาท้องถิ่นที่อยู่ห่างจากเมริเดียนแรกไปทางตะวันออก 1 องศา จะเร็วกว่าเวลาที่กรีนิช 4 นาที ดังนั้น ลองจิจูดของไทยห่างจากออสเตรเลีย 45 องศาตะวันออก มีเวลาที่ต่างกันเท่ากับ 45 X 4 = 180 นาที หรือ 3 ชั่วโมง ( 1 องศา = 4 นาที)
6. คำว่า “เวลามาตรฐานท้องถิ่น” มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. เวลาของพื้นที่ที่ได้รับแสงอาทิตย์
ข. เวลาที่กำหนดขึ้นเองในแต่ละพื้นที่
ค. เวลามาตรฐานกรีนิชสากลปานกลาง
ง. เวลามาตรฐานตามเขตเวลาแต่ละพื้นที่
ตอบ ง.
เวลามาตรฐานท้องถิ่น หมายถึง เวลาของแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันตามเขตภาคเวลา
7. ถ้าศุภชัยเดินทางจากเส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) ไปทางซ้ายมือ จะมีเวลาเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เวลามาตรฐานสากลเดียวกัน
ข. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เขตเวลามาตรฐานเหมือนกัน
ค. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาช้ากว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
ง. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาเร็วกว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
ตอบ ค.
เส้นเมริเดียนแรก ( 0 องศา) เป็นจุดตั้งต้นเวลามาตรฐานสากล เดินทางไปทางซ้ายมือซึ่งอยู่ในเส้นเมริเดียนตะวันตกจะช้ากว่าที่ 0 องศา
8. เดชาเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศญี่ปุ่นไปสหรัฐอเมริกา โดยผ่านลองจิจูดที่ 180 องศา เกี่ยวข้องกับเวลาอย่างไร
ก. เวลาเหมือนเดิม ข. เวลาจะลดลง 1 วัน
ค. เวลาจะเพิ่มขึ้น 1 วัน ง. เวลาจะหยุดนิ่ง
ตอบ ข.
เส้นลองจิจูดที่ 108 องศา เป็นเส้นวันที่สากล ถ้าหากเดินทางข้ามเส้นนี้จากซีกโลกตะวันออกไปตะวันตกเวลาจะลดลง 1 วัน
9. ข้อใดกล่าวถึงที่ตั้งของประเทศไทยได้ถูกต้อง
ก. ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ ข. ตั้งอยู่ใกล้แนวเส้นเมริเดียนปฐม
ค. ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ง. ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้
ตอบ ก.
ประเทศไทยตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ อยู่ที่พิกัดภูมิศาสตร์ ละติจูด 5 - 20 องศาเหนือ ลองจิจูด 97 - 105 องศาตะวันออก
10. ข้อใดเป็นแนวพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ก. ทิวเขาสันกาลาคีรี แม่น้ำปิง
ข. ทิวเขาพนมดงรัก แม่น้ำกระบุรี
ค. ทิวเขาเพชรบูรณ์ แม่น้ำสาละวิน
ง. ทิวเขาดงพญาเย็น แม่น้ำตาปี
ตอบ ข.
ทิวเขาพนมดงรักแนวกั้นไทยกับลาวและกัมพูชา แม่น้ำกระบุรีแนวกั้นไทยกับพม่า
แนวข้อสอบ ความรู้เบื้องต้นของระบบภูมิสารสนเทศ
1. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์”
ก. กระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์
ข. กำหนดข้อมูลและสารสนเทศที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่
ค. กำหนดข้อมูลและสารสนเทศที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในแผนที่
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. ข. และ ค.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. ข. และ ค.
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) หมายถึง กระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้กำหนดข้อมูลและสารสนเทศที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เช่น ที่อยู่ บ้านเลขที่ สัมพันธ์กับตำแหน่งในแผนที่ ตำแหน่ง ข้อมูล เส้นรุ้ง เส้นแวง และแผนที่ใน GIS เป็นระบบข้อมูลสารสนเทศที่อยู่ในรูปของตารางข้อมูล และฐานข้อมูลที่มีส่วนสัมพันธ์กับข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data) ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ทั้งหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย GIS และทำให้สื่อความหมายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับเวลาได้ เช่น การแพร่ขยายของโรคระบาด การเคลื่อนย้าย ถิ่นฐาน การบุกรุกทำลาย การเปลี่ยนแปลงของการใช้พื้นที่ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้เมื่อปรากฏบนแผนที่ทำให้สามารถแปลและสื่อความหมายใช้งานได้ง่าย
2. ข้อแตกต่างระหว่าง GIS กับ MIS คือข้อใด
ก. การพิจารณาจากลักษณะของข้อมูล ข. การพิจารณาจากลักษณะของทรัพยากร
ค. การพิจารณาจากลักษณะภูมิประเทศ ง. การพิจารณาจากลักษณะเชิงพื้นที่
ตอบ ก. การพิจารณาจากลักษณะของข้อมูล
ข้อแตกต่างระหว่าง GIS กับ MIS นั้นสามารถพิจารณาได้จากลักษณะของข้อมูล คือ ข้อมูลที่จัดเก็บใน GIS มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Dat) ที่แสดงในรูปของภาพ (Graphic) แผนที่ (Map) ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลเชิงบรรยาย (Attribute Data) หรือฐานข้อมูล (Database) การเชื่อมโยงข้อมูลข้อมูลทั้งสองประเภทด้วยกันจะทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะแสดงข้อมูลทั้งสองประเภทได้พร้อมๆ กัน เช่น สามารถจะค้นหาตำแหน่งของจุดตรวจวัดควันดำ-ควันขาวได้โดยการระบุชื่อจุดตรวจ หรือในทางตรงกันข้ามสามารถที่จะสอบถามรายละเอียดของจุดตรวจจากตำแหน่งที่เลือกขึ้นมา ซึ่งจะต่างจาก MIS ที่แสดงภาพเพียงอย่างเดียว โดยจะขาดการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกับรูปภาพนั้น เช่น ใน CAD (Computer Aid Design) จะเป็นภาพเพียงอย่างเดียว แต่ในแผนที่ใน GIS จะมีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
3. ข้อมูลจาก MIS จะแสดงออกมาในลักษณะใด
ก. แผนที่ ข. ภาพ
ค. ถูกทั้ง ข้อ ก. และ ข. ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข. ภาพ (ดูคำอธิบายข้อข้างต้น)
4. ข้อใดต่อไปนี้คือองค์ประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ก. วัสดุอุปกรณ์ ข. เงินลงทุน
ค. ขั้นตอนการทำงาน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ขั้นตอนการทำงาน
องค์ประกอบหลักของระบบ GIS จัดแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) โปรแกรม (Software) ขั้นตอนการทำงาน (Methods) ข้อมูล (Data) และบุคลากร (People) โดยมีรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น Digitizer, Scanner, Plotter, Printer หรืออื่นๆ เพื่อใช้ในการนำเข้าข้อมูล ประมวลผล แสดงผล และผลิตผลลัพธ์ของการทำงาน
2. โปรแกรม (Software) คือ ชุดของคำสั่งสำเร็จรูป เช่น โปรแกรม Arc/Info, MapInfo ฯลฯ ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชั่นการทำงานและเครื่องมือที่จำเป็นต่างๆ สำหรับนำเข้าและปรับแต่งข้อมูล จัดการระบบฐานข้อมูล เรียกค้น วิเคราะห์ และจำลองภาพ
3. ขั้นตอนการทำงาน (Methods) คือ วิธีการที่องค์กรนั้นๆ นำเอาระบบ GIS ไปใช้งาน โดยแต่ละ ระบบแต่ละองค์กรย่อมีความแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกวิธีการในการจัดการกับปัญหาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับของหน่วยงานนั้นๆ เอง
4. ข้อมูล (Data) คือ ข้อมูลต่างๆ ที่จะใช้ในระบบ GIS และถูกจัดเก็บในรูปแบบของฐานข้อมูลโดยได้รับการดูแลจากระบบจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS ข้อมูลจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญรองลงมาจากบุคลากร
5. บุคลากร (People) คือ ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เช่น ผู้นำเข้าข้อมูล ช่างเทคนิค ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล ผู้บริหารซึ่งต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ บุคลากรจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในระบบ GIS เนื่องจากถ้าขาดบุคลากรข้อมูลที่มีอยู่มากมายมหาศาลนั้นก็จะเป็นเพียงขยะไม่มีคุณค่าใดเลยเพราะไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน อาจจะกล่าวได้ว่า ถ้าขาดบุคลากรก็จะไม่มีระบบ GIS
5.องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์คือข้อใด
ก. โปรแกรม ข. ขั้นตอนการทำงาน
ค. ข้อมูล ง. บุคลากร
ตอบ ง. บุคลากร (ดูคำอธิบายข้อข้างต้น)
6.ลักษณะข้อมูลภูมิศาสตร์ (Geographic Features) แสดงข้อมูลลงบนแผนที่ด้วยวิธีใด
ก. ตัวอักษร (Text) ข. สี (Color)
ค. สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ง. สัญลักษณ์ (Symbol)
ตอบ ก. ตัวอักษร (Text)
ลักษณะข้อมูลภูมิศาสตร์ (Geographic Features)
ปรากฎการณ์ หรือ วัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
- สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
- สภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
แสดงลงบนแผนที่ ด้วย
- จุด (Point)
- เส้น (Line)
- พื้นที่ (Area หรือ Polygon)
- ตัวอักษร (Text)
อธิบายลักษณะสิ่งที่ปรากฎ ด้วย
- สี (Color)
- สัญลักษณ์ (Symbol)
- ข้อความบรรยาย (Annotation)
- ที่ตั้ง (Location)
ลักษณะข้อมูลภูมิศาสตร์จะต้องแสดงถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และที่ตั้งสัมพันธ์ของสถานที่หรือสิ่งต่างๆ บนโลก
7. โลกมีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโลกไว้ในรูปของข้อมูลด้วยระบบ
คอมพิวเตอร์ จึงต้องเปลี่ยนปรากฏการณ์บนผิวโลกจัดเก็บในรูปของตัวเลขเชิงรหัส (Digital Form)
โดยแทนปรากฏการณ์เหล่านั้นด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เรียกว่า
ก. Faeture ข. Feature
ค. Feeture ง. Faature
ตอบ ข. Feature
ลักษณะข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
โลกมีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโลกไว้ในรูปของข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ จึงต้องเปลี่ยนปรากฏการณ์บนผิวโลกจัดเก็บในรูปของตัวเลขเชิงรหัส (Digital Form) โดยแทนปรากฏการณ์เหล่านั้นด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เรียกว่า Feature
8.ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์จะใช้ Feature ประเภทต่างๆ ในการแทนปรากฏการณ์โดยแบ่งออกเป็น
กี่กลุ่ม
ก. 1 กลุ่ม ข. 2 กลุ่ม
ค. 3 กลุ่ม ง. 4 กลุ่ม
ตอบ ค. 3 กลุ่ม
ประเภทของ Feature
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นตัวแทนของปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์บนโลกแผนที่กระดาษบันทึกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และแทนสิ่งต่างๆ บนโลกที่เป็นลายเส้นและพื้นที่ด้วยสัญลักษณ์แบบ จุด เส้น พื้นที่และตัวอักษร ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์จะใช้ feature ประเภทต่างๆ ในการแทนปรากฏการณ์โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. จุด (Point)
2. เส้น (Arc)
3. พื้นที่ (Polygon)
9.หน้าที่หลักๆ ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์คือข้อใด
ก. การนำเข้าข้อมูล ข. การปรับแต่งข้อมูล
ค. การบริหารข้อมูล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
หน้าที่ของ GIS (How GIS Works)
ภาระหน้าที่หลักๆ ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ควรจะมีอยู่ด้วยกัน 5 อย่าง ดังนี้
1. การนำเข้าข้อมูล (Input) ก่อนที่ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกใช้งานได้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ข้อมูลจะต้องได้รับการแปลง ให้มาอยู่ในรูปแบบของข้อมูลเชิงตัวเลข (digital format) เสียก่อน เช่น จากแผนที่กระดาษไปสู่ข้อมูลใน รูปแบบดิจิตอลหรือแฟ้มข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ที่ใช้ในการนำเข้าเช่น Digitizer Scanner หรือ Keyboard เป็นต้น
2. การปรับแต่งข้อมูล (Manipulation) ข้อมูลที่ได้รับเข้าสู่ระบบบางอย่างจำเป็นต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับงาน เช่น ข้อมูลบางอย่างมีขนาด หรือสเกล (scale) ที่แตกต่างกัน หรือใช้ระบบพิกัดแผนที่ที่แตกต่างกัน ข้อมูลเหล่านี้จะต้องได้รับการปรับให้อยู่ใน ระดับเดียวกันเสียก่อน
3. การบริหารข้อมูล (Management) ระบบจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS จะถูกนำมาใช้ในการบริหารข้อมูลเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพในระบบ GIS DBMS ที่ได้รับการเชื่อถือและนิยมใช้กันอย่างกว้างขวางที่สุดคือ DBMS แบบ Relational หรือระบบจัดการฐานข้อมูลแบบสัมพัทธ์ (DBMS) ซึ่งมีหลักการทำงานพื้นฐานดังนี้คือ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บ ในรูปของตารางหลาย ๆ ตาราง
4. การเรียกค้นและวิเคราะห์ข้อมูล (Query and Analysis) เมื่อระบบ GIS มีความพร้อมในเรื่องของข้อมูลแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การนำข้อมูลเหล่านี่มาใช้ให้เกิด ประโยชน์ เช่น
- ใครคือเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนที่ติดกับโรงเรียน ?
- เมืองสองเมืองนี้มีระยะห่างกันกี่กิโลเมตร ?
- ดินชนิดใดบ้างที่เหมาะสำหรับปลูกอ้อย ?
หรือ ต้องมีการสอบถามอย่างง่าย ๆ เช่น ชี้เมาส์ไปในบริเวณที่ต้องการแล้ว
เลือก (point and click) เพื่อสอบถามหรือเรียกค้นข้อมูล นอกจากนี้ระบบ GIS ยังมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงประมาณค่า (Proximity หรือ Buffer) การวิเคราะห์เชิงซ้อน (Overlay Analysis) เป็นต้น หรือ ต้องมีการสอบถามอย่างง่าย ๆ เช่น ชี้เมาส์ไปในบริเวณที่ต้องการแล้วเลือก (point and click) เพื่อสอบถามหรือเรียกค้นข้อมูล นอกจากนี้ระบบ GIS ยังมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงประมาณค่า (Proximity หรือ Buffer) การวิเคราะห์เชิงซ้อน (Overlay Analysis) เป็นต้น
5. การนำเสนอข้อมูล (Visualization) จากการดำเนินการเรียกค้นและวิเคราะห์ข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในรูปของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งยากต่อการตีความหมายหรือทำความเข้าใจ การนำเสนอข้อมูลที่ดี เช่น การแสดงชาร์ต (chart) แบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ รูปภาพจากสถานที่จริง ภาพเคลื่อนไหว แผนที่ หรือแม้กระทั้งระบบมัลติมีเดียสื่อต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้เข้าใจความหมายและมองภาพของผลลัพธ์ที่กำลังนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น อีก ทั้งเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้ฟังอีกด้วย
10.ข้อใดคือข้อมูลค่าพิกัดของจุด (Point)
ก. ค่าพิกัด x, y 1 คู่ แทนตำแหน่งของจุด
ข. Vertex (ค่าพิกัด x, y คู่หนึ่งบน arc) เป็นตัวกำหนดรูปร่างของ arc
ค. arc ที่ตัดกันจะเชื่อมต่อกันที่ Node
ง. arc หนึ่งเส้นเริ่มต้นและจบลงด้าน Node
ตอบ ก. ค่าพิกัด x, y 1 คู่ แทนตำแหน่งของจุด
จุด (Point)
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีตำแหน่งที่ตั้งเฉพาะเจาะจง หรือมีเพียงอย่างเดียว สามารถแทนได้ด้วยจุด (Point Feature)
- หมุดหลักเขต
- บ่อน้ำ
- จุดชมวิว
- จุดความสูง
- อาคาร ตึก สิ่งก่อสร้าง
ข้อพิจารณาเกี่ยวกับมาตราส่วน
มาตราส่วนแผนที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะแทนปรากฏการณ์บนโลกด้วยจุดหรือไม่
ตัวอย่างลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นจุด
ตัวอย่างเช่น บนแผนที่โลกมาตราส่วนเล็กจะแทนค่าที่ตั้งของเมืองด้วยจุด แม้ว่าในความเป็นจริงเมืองนั้นจะครอบคลุมพื้นที่จำนวนหนึ่งก็ตาม ในขณะเดียวกันบนแผนที่มาตราส่วนที่ใหญ่ขึ้นเมืองดังกล่าวจะปรากฏเป็นพื้นที่และแต่ละอาคารจะถูกแทนค่าด้วยจุด
ข้อมูลค่าพิกัดของจุด
- ค่าพิกัด x, y 1 คู่ แทนตำแหน่งของจุด
- ไม่มีความยาวหรือพื้นที่